รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
A Linear Structural Relationship Model of Supervisors' Competency Affecting the Effectiveness of Basic Education Schools

: ชื่อผู้วิจัย ปริญญา เฉิดจำเริญ
: ตำแหน่ง -
: อื่นๆ
: ปี 2559
: 352

logo onec

บทคัดย่อ (Abstract)

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) เพื่อตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยประชากรในการวิจัย ได้แก่ ศึกษานิเทศก์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 60 เขต จำนวนศึกษานิเทศก์ 1,058 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ศึกษานิเทศก์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 958 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (multi-stage random sampling) และได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่จากแบบสอบถามสมบูรณ์ จำนวน 900 ฉบับ โดยมีวิธีในดำเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาปัจจัยและรูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 เป็นการสัมภาษณ์เพื่อกำหนดกรอบของรูปแบบความสัมพันธ์ โครงสร้างของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 3 เป็นการตรวจสอบความสอดกล้องระหว่างรูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยใช้แบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประเมินค่า (rating scale) 5 ระดับ และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้าง สาเหตุตามทฤษฎีกับข้อมูลเชิงประจักษ์จากกลุ่มตัวอย่างนั้นโดยใช้โปรแกรม LISREL ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบตามแบบจำลองการวิจัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ตามโมเดลที่ใช้เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย ซึ่งมีตัวแปรทั้งภายในและภายนอก ผลการวิเคราะห์จะนำเสนอในรูปสถานการณ์วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างตัวแปรต่าง ๆ

ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

1. รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นมี 4 องค์ประกอบ ตัวแปรสังเกตได้ 14 ตัวแปร และ 54 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ สมรรถนะเฉพาะทางหรือหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ มีตัวแปรสังเกตได้ 3 ตัวแปร และ 11 ตัวบ่งชี้ สมรรถนะคุณลักษณะส่วนบุคคลของศึกษานิเทศก์ ตัวแปรสังเกตได้ 3 ตัวแปร และ 13 ตัวบ่งชี้ สมรรถนะกิจกรรมการนิเทศการศึกษา ตัวแปรสังเกตได้ 4 ตัวแปร และ 11 ตัวบ่งชี้ และสมรรถนะประสิทธิผลของสถานศึกษา มีตัวแปรสังเกตได้ 4 ตัวแปร และ 19 ตัวบ่งชี้

2. ผลการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) แบบมีตัวแปรแฝง พบว่า มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยพิจารณาได้จากค่าสถิติและค่าดัชนีที่ผ่านเกณฑ์ ดังนี้ ค่าไคสแคว์ (χ2) มีค่าเท่ากับ 93.45, df = 52, p = 0.0037, CFI = 0.979, GFI = 985, AGFI = 0.970, RMSEA = 0.030 และ χ2/df = 1.797

3. ตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรงต่อสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กิจกรรมนิเทศการศึกษา ตัวแปรที่มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม คือคุณลักษณะส่วนบุคคลของศึกษานิเทศก์ และสมรรถนะเฉพาะทางหรือหน้าที่ของศึกษานิเทศก์

`

รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของสมรรถนะศึกษานิเทศก์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานA Linear Structural Relationship Model of Supervisors' Competency Affecting the Effectiveness of Basic Education Schools is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 3.0 License.